กาแฟยอดนิยม ที่มือใหม่หัดดื่มต้องรู้จัก
กาแฟยอดนิยม ที่มือใหม่หัดดื่มต้องรู้จัก งานไม่เสร็จ แต่ ง๊วงง่วง ก็ต้องหาตัวช่วยมาเติมพลังสักหน่อยด้วย กาแฟ เครื่องดื่มสุดคลาสสิก ที่ใครหลายคนเคยลิ้มลอง และด้วยขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน เปิด ลำโพง ฟังเพลงไปชิลๆ แต่มีความพิถีพิถันทำให้ รสชาติของกาแฟ ที่ออกมามีความแตกต่างกันจนเกิดเป็น กาแฟประเภทต่างๆ ให้ผู้คนได้ดื่ม ซึ่งเชื่อว่าคงมีใครหลายๆ คนที่ไม่สามารถแยกออกได้ เพราะมีมากมายเหลือเกิน แต่ถ้าหากจะให้แนะนำทุกประเภทก็คงไม่หมดสักที วันนี้เรามีกาแฟที่มือใหม่หัดดื่มควรรู้จัก มาให้ความรู้กัน
สายพันธุ์เมล็ดกาแฟ
เริ่มด้วยตัว เมล็ดกาแฟ ที่เรารู้จักกันดี ฟังเผินๆ หลายคนคงคิดว่ากิน กาแฟ ที่ไหนก็คงเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วรู้ไหมว่า เมล็ดกาแฟ นั้นมีหลายสายพันธุ์ ให้ได้เลือกลองเลยนะ โดยวันนี้เราจะมาแนะนำ 4 สายพันธุ์ ได้แก่
- กาแฟอาราบิก้า (Arabica) สายพันธุ์กาแฟที่มีถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ในตลาดกาแฟโลก มีรสชาติดีที่สุด แต่ก็หา กาแฟอาราบิก้า คุณภาพดียากเช่นกัน และเมื่อผ่านกระบวนการต่างๆ แล้วจะมีกลิ่นที่หอมหวานคล้าย ช็อกโกแลต และ ดอกไม้
- กาแฟโรบัสต้า (Robusta) สายพันธุ์กาแฟที่นิยมปลูกกันใน ภาคใต้ ของ ประเทศไทย กลิ่นไม่หอมหวาน มีรสชาติที่ขม และฝาดกว่า กาแฟอาราบิก้า แต่ก็มีความเข้มข้นเยอะกว่าจึง นิยมนำมาผลิตเป็น กาแฟผงสำเร็จรูป หรือผสมพันธุ์กับ กาแฟอาราบิก้า และเกิดรสชาติที่มากขึ้น
- กาแฟเอ็กซ์เซลซ่า (Excelsa) สายพันธุ์กาแฟ ที่ถึงแม้จะมีหน้าตาคล้ายคลึงกับ กาแฟโรบัสต้า และมีความทนต่อสภาพอากาศ ที่แห้งแล้งได้ดี แต่มีรสชาติที่ไม่ไม่ดีเท่าไรนัก จึงไม่ได้รับ ความนิยม ใน ประเทศไทย มาก ในขณะที่ในประเทศแถบ แอฟริกา นั้นชื่นชอบ กาแฟ ชนิดนี้เป็นอย่างมาก
- กาแฟลิเบอริก้า (Liberica) สายพันธุ์กาแฟ ที่มีถิ่นกำเนิดใน ประเทศลิเบอเรีย ตัวเมล็ดมีรสชาติคล้ายกับ กาแฟอราบิก้า แต่มี รสเปรี้ยวอมหวาน มากกว่า สามารถทนทานต่อโรค และชอบอากาศที่ ร้อนชื้น นิยมนำไปพัฒนา หรือเบลนด์กับกาแฟสายพันธุ์อื่นมากกว่ากินเพียวๆ
ขั้นตอนการผลิตกาแฟ
ในการผลิต เมล็ดกาแฟ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องน่ารู้ สำหรับนักดื่มเพราะไม่ใช่เพียงแค่นำเมล็ดกาแฟมาบดแล้วชงเพียงเท่านั้น แต่รู้ไหมว่าการ ผลิตกาแฟ สักถุงนั้นต้องใช้เวลานาน และมีถึง 3 ขั้นตอนเลยทีเดียวเชียว จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย
การเตรียมเมล็ด
ขั้นตอนแรก หลังจากการ เก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟ จาก ต้นกาแฟ โดยเป็นการปอกเปลือกสีแดงของ เมล็ดกาแฟ ออกไป แบ่งออกเป็น 2 วิธีตาม สายพันธุ์ของกาแฟ
- แบบแห้ง เป็นวิธีเตรียม เมล็ดกาแฟ สายพันธุ์โรบัสต้า ด้วยการนำกาแฟ ที่เก็บมาไปตากแห้งบนพื้นเรียบอย่าง คอนกรีต โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์จนกว่า เมล็ดกาแฟ จะแห้งจนหมด จึงกะเทาะเปลือกกาแฟออก
- แบบเปียก วิธีเตรียมเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ อาราบิก้า โดยเริ่มจากการแยก ผลสุก ล้างน้ำด้วยเครื่องทำความสะอาดเฉพาะ ปอกเปลือก โดยใช้เครื่อง แล้วนำกลับมาล้างเมือกบน เมล็ดกาแฟ ออกอีกครั้ง จึงนำไปใส่ถังหมักประมาณ 12-36 ชม. และสุดท้ายคือ นำไปตากแดด เพื่อไล่ความชื้นทั้งหมดให้ออกไป
การคั่ว
หลังจากเตรียม เมล็ดกาแฟ ให้แห้งเรียบร้อยแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการ คั่วกาแฟ ให้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และเกิดกลิ่นที่หอมของกาแฟที่เราได้กลิ่นกันบ่อยๆ ซึ่งขั้นตอนนี้จะแบ่งระบบการคั่ว ออกเป็นทั้งหมด 3 ระดับตามความเข้มข้นของกาแฟที่ต้องการ ดังนี้
- คั่วอ่อน ระดับแรกของการ คั่วกาแฟ เป็นการคั่วที่คงรสชาติของ เมล็ดกาแฟ ไว้มากที่สุด ทำให้รสชาติกาแฟออกไปทาง ฝาด และ เปรี้ยว มีสีน้ำตาลทองอ่อน คล้าย ซินนามอน เหมาะสำหรับการทำ กาแฟร้อน
- คั่วกลาง เป็นการ คั่วกาแฟ ในระดับกลาง มีสีที่เข้มขึ้นเล็กน้อย ส่วนรสชาติที่ได้ออกมาก็มีความ เปรี้ยว ลดน้อยลง แต่เพิ่มความ หวานขม เล็กน้อย เหมาะสำหรับการ ชงกาแฟดำ หรือ อเมริกาโน่
- คั่วเข้ม เป็นการคั่วระดับที่ทำให้กาแฟกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม รสชาติขมมากปนเปรี้ยวเล็กน้อยถึงไม่มี เหมาะสำหรับการทำกาแฟเย็นที่ต้องการรสชาติที่เข้มข้นมากๆ โดยเฉพาะกาแฟ espresso
การบด
ขั้นตอนสุดท้ายของการ ผลิตกาแฟ ก่อนนำไปชง ซึ่งเป็นการทำให้ เมล็ดกาแฟ ละเอียดขึ้น และการ บดกาแฟ ก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอน ที่มีผลต่อรสชาติของกาแฟ ที่ได้ออกมา เรียกว่า ยิ่งบดเยอะแค่ไหนกาแฟที่ได้ก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น
วิธีการชงกาแฟแบบต่างๆ
หลังจากที่ได้กาแฟที่บดสำเร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การชงกาแฟ ซึ่งมีหลากหลายวิธีให้เลือกกัน
- การต้มเดือด เป็น วิธีชงกาแฟ แบบดั้งเดิม โดยการ ต้มผงกาแฟ ละเอียดเข้า กับน้ำในหม้อคอคอด และปล่อยให้เดือดเล็กน้อย จึงทำให้เกิดกาแฟ ที่มีฟองด้านบน และผงกาแฟด้านล่าง เช่น กาแฟตุรกี เป็นต้น
- การใช้ความดัน วิธีชงกาแฟ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะทำให้เกิดกาแฟที่เข้ม และมันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งหลัก การชงกาแฟ ประเภทนี้คือ มีทั้งหมด 3 ส่วน มีส่วนล่างสำหรับต้มน้ำ ทำให้ไอลอยขึ้นไป ที่อยู่ในส่วนตรงกลาง และกาแฟที่ได้ก็จะขึ้นไปอยู่ด้านบน
- การใช้แรงโน้มถ่วง หรือเรียกอีกอย่างว่า การชงแบบหยด (กรอง) มีวิธีง่ายๆ ในการชงคือ การราดน้ำร้อนผ่านกาแฟ ที่อยู่บนแผ่นกรอง ซึ่งความเข้มข้นของ กาแฟก็ขึ้นอยู่กับ น้ำหนักมือ อัตราการไหลของน้ำ และระยะเวลาที่น้ำผ่าน เมล็ดกาแฟ
- การจุ่ม วิธีการ ชงกาแฟ ที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุด เป็นการจุ่มกาแฟลงไปในน้ำร้อนโดยใช้เครื่องมือที่มีลักษณะเป็นกระบอก
แนะนำเกม : Slotxo / สมัครSlotxo / Slotxo / สล็อต / เกมยิงปลา